เลือกหัวข้อที่อ่าน
- แผลคีลอยด์เกิดจากอะไร
- แผลคีลอยด์แบบไหน รักษาได้ด้วยการฉายแสง
- ขั้นตอนการรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสง
- ผลข้างเคียงจากการรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสง
- รักษาแผลคีลอยด์ ด้วยการฉายแสง รพ. เมดพาร์ค
รักษาแผลคีลอยด์ ด้วยการฉายแสง (Radiation therapy for keloid scars)
รักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสง (Radiation therapy for keloid scars) คือ วิธีการรักษาแผลคีลอยด์หรือแผลเป็นนูนหนา ที่มีขนาดกว้างเกินกว่าขอบแผลเดิม ด้วยการฉายรังสีปริมาณต่ำไปที่แผลคีลอยด์เพื่อให้เนื้อเยื่อส่วนเกินยุบตัว หยุดการขยายขนาดคีลอยด์ และป้องกันการเป็นคีลอยด์ซ้ำ ซึ่งแพทย์จะฉายแสงรักษาแผลคีลอยด์หลังการผ่าตัด เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด โดยจะฉายรังสีไปที่ผิวหนังชั้นนอกสุดเฉพาะส่วนของแผลคีลอยด์ ซึ่งจะไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง หรือผิวหนังชั้นล่างแต่อย่างใด การรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสง เป็นการรักษาแผลคีลอยด์หรือแผลนูนเกินที่มีประสิทธิภาพมาก ใช้ปริมาณรังสีน้อย มีผลข้างเคียงต่ำ และมีอัตราความสำเร็จสูง
ทำไมต้องรักษาแผลคีลอยด์ ด้วยการฉายแสง
โดยทั่วไป แผลคีลอยด์ หรือ แผลนูนเกิน สามารถรักษาได้ด้วยการฉีดยารักษาสเตียรอยด์ การยิงเลเซอร์ หรือการผ่าตัดเพื่อลดขนาดแผล ทำให้แผลยุบตัวลง แผลอ่อนนุ่มขึ้น และสีของแผลจางลง อย่างไรก็ตาม ในผู้ที่มีแผลคีลอยด์ หรือแผลนูนเกินขนาดใหญ่ แผลขยายขนาดออกด้านข้างเป็นวงกว้าง หรือแผลคีลอยด์ในตำแหน่งที่การรักษากระทำได้ยาก การฉีดยาสเตียรอยด์อาจตอบสนองต่อการรักษาได้ไม่ดี การยิงเลเซอร์อาจต้องทำซ้ำหลายครั้ง และการผ่าตัดแผลคีลอยด์อาจทำให้มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ มีแผลหลังผ่าตัดที่ไม่สวยงามและไม่สมมาตร
การรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสงหลังการผ่าตัดให้การตอบสนองต่อการรักษาที่ดี เมื่อใช้พลังงานรังสีที่เหมาะสมร่วมกับเทคนิคการฉายแสงที่แม่นยำ โอกาสกลับมาเป็นซ้ำแทบไม่มี ใช้จำนวนรอบในการฉายแสงน้อยเพียง 3 ครั้ง ไม่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากแผลผ่าตัด ช่วยลดขนาดแผลคีลอยด์หรือแผลนูนเกิน และสามารถป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของแผลคีลอยด์ได้อย่างดีที่สุด
แผลคีลอยด์เกิดจากอะไร
แผลคีลอยด์ เกิดจากการที่เนื้อเยื่อสร้างคอลลาเจนมากเกินไปในระหว่างกระบวนการซ่อมแซมตนเองของแผล ทำให้เกิดเนื้อนูน ขยายขนาดเกินขอบแผลเดิมบนผิวหนัง เช่น ติ่งหู หัวไหล่ หรือหน้าอก คีลอยด์เป็นการตอบสนองของร่างกายจากการเกิดแผล เช่น แผลผ่าตัด แผลผ่าคลอด แผลเจาะหู แผลถลอก แผลสิว แผลไฟไหม้ หรือแผลน้ำร้อนลวก แผลคีลอยด์ ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่อาจทำให้หงุดหงิดรำคาญใจ และสูญเสียความมั่นใจในการเผยผิวส่วนที่เป็นแผล
แผลคีลอยด์แบบไหน รักษาได้ด้วยการฉายแสง
แผลคีลอยด์ที่สามารถรักษาได้ด้วยการฉายแสงหลังการผ่าตัด มีดังนี้
- แผลคีลอยด์หลังผ่าตัดทุกชนิด
- แผลคีลอยด์ ผ่าคลอด
- แผลคีลอยด์หลังเจาะหู
- แผลคีลอยด์ ฉีดยา
- แผลคีลอยด์ ที่มีโอกาสสูงที่จะกลับมาเป็นซ้ำ
- แผลคีลอยด์ที่ขยายขนาดกว้างกว่าฐานของแผลเดิม
- แผลนูนเกิน หรือแผลโตนูน (Hypertrophic scar)
- แผลเป็นหดรั้ง (Contracture scar)
ขั้นตอนการรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสง
แพทย์จะวินิจฉัยแผลคีลอยด์ แผลนูนเกิน หรือแผลเป็นชนิดอื่น ๆ โดยการซักประวัติหาสาเหตุของแผลและตรวจแผลอย่างละเอียด ตรวจตำแหน่ง สอบถามอาการ ระบุชนิดของแผล และวางแผนการรักษา รวมถึงพิจารณาการรักษาร่วมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
ก่อนการรักษาแผลคีลอยด์ ด้วยการฉายแสง
- แพทย์และนักรังสีแพทย์จะวางแผนการรักษาโดยการถ่ายภาพตำแหน่ง ขนาด และขอบเขตของแผลคีลอยด์ที่จะทำการผ่าตัดและฉายแสง เพื่อคำนวณปริมาณรังสี กำหนดความเข้มของรังสี และระยะเวลาในการฉายแสง
- แพทย์จะทำนัดวันและเวลาผ่าตัดแผลคีลอยด์และตามด้วยการรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสงในวันเดียวกัน โดยจะทำนัดฉายแสงทั้งหมด 3 ครั้ง 3 วัน ติดกัน
ระหว่างการรักษาแผลคีลอยด์ ด้วยการฉายแสง
- ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดแผลคีลอยด์ และจะส่งผู้รับการรักษาให้เข้ารับการฉายแสงหลังการผ่าตัดภายใน 24 ชม. หรือโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะเกิดแผลคีลอยด์
- แพทย์และนักรังสีแพทย์จัดท่าผู้รับการรักษาบนเตียง และเริ่มต้นกระบวนการฉายแสงโดยการใช้รังสีอิเล็กตรอนยิงไปยังแผลคีลอยด์โดยตรง เฉพาะส่วนผิวหนังชั้นตื้นหรือผิวหนังชั้นนอกสุด โดยจะไม่ลงลึกสู่ผิวหนังชั้นล่าง ไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง และไม่ทำให้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด
- โดยทั่วไป การรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสงจะใช้ระยะเวลาในการฉายแสงสั้นเพียง 1 นาทีเท่านั้น โดยเมื่อเสร็จสิ้นการฉายแสงครั้งแรก แพทย์จะทำนัดเพื่อฉายแสงซ้ำในวันถัดไป
การดูแลตนเอง หลังการรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสง
- ห้ามไม่ให้แผลโดนน้ำ ไม่ติดผ้าพันแผล และหลีกเลี่ยงไม่อยู่ในที่ที่มีฝุ่นละออง
- งดกิจกรรมที่ทำให้มีเหงื่อออก เช่น การออกกำลังกาย หรือการออกแรงหนัก
- งดการใช้ครีมทาผิวที่ใช้เป็นประจำชั่วคราว ยกเว้นยาทาแผลที่แพทย์สั่ง
- สวมใส่เสื้อผ้าสบาย ไม่รัดแผล หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าแนบเนื้อ หรือเนื้อผ้าหยาบกระด้าง เพื่อป้องกันการเสียดสีแผล
- สามารถใช้ชีวิต ทำกิจกรรมต่าง ๆ และอยู่ร่วมกับบุคคลรอบข้างได้ตามปกติ
ผลข้างเคียงจากการรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสง
ผลข้างเคียงทั่วไปจากการรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสง เช่น ผิวบริเวณแผลเป็นสีแดง สีชมพู ผิวแห้ง เป็นขุย คันแผล หรือเจ็บแผลเล็กน้อย โดยอาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยในระยาว สีผิวที่ได้รับการฉายแสงอาจเข้มขึ้นหรือจางลง และผิวมีความไวต่อแดด โดยแพทย์แนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป ตรงบริเวณแผลเป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันรังสี UVA/UVB
ข้อดีของการรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสง
การรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสง เป็นการรักษาแผลคีลอยด์ด้วยรังสีปริมาณความเข้มต่ำแบบตื้น ๆ บนผิวหนังชั้นนอกสุด ซึ่งจะไม่ลงลึกสู่ใต้ชั้นผิวหนัง เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัย ใช้ระยะเวลาในการรักษาสั้น ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่มีอาการเจ็บปวด มีผลข้างเคียงน้อยมาก และเป็นการรักษาแผลคีลอยด์ที่ช่วยป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้ดีที่สุด
การรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉายแสง มีอัตราความสำเร็จอย่างไร
จากผลการสำรวจ ผู้ที่รักษาแผลคีลอยด์ด้วยวิธีการฉายแสงหลังการผ่าตัด พบว่ามีอัตราความสำเร็จในการรักษาอยู่ที่ระหว่าง 67-98% การฉายแสงหลังผ่าตัดคีลอยด์ช่วยให้แผลยุบตัวลงเร็ว ยับยั้งการขยายขนาด และสามารถป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้เป็นอย่างดี
รักษาแผลคีลอยด์ ด้วยการฉายแสง รพ. เมดพาร์ค
ศูนย์รังสีรักษา รพ. เมดพาร์ค กรุงเทพ ประเทศไทย นำโดยทีมอาจารย์แพทย์ผู้ชำนาญการพิเศษด้านรังสีร่วมรักษาที่มีประสบการณ์การรักษามาอย่างยาวนาน ร่วมกับนักรังสีการแพทย์และพยาบาลวิชาชีพ มีความพร้อมในการรักษาแผลคีลอยด์ แผลนูนเกิน หรือแผลผ่าตัดทุกชนิดแบบทั่วไปและที่มีความยากซับซ้อนด้วยวิธีมาตรฐาน และวิธีการใช้รังสีร่วมรักษาโดยการฉายรังสีด้วยเครื่องเร่งอนุภาค Linear Accelerator (LINAC) ที่ให้รังสีอิเล็กตรอนในการรักษา สามารถปรับความเข้มและรูปร่างของรังสีให้เข้ากับตำแหน่ง ขนาด และรูปร่างของแผลคีลอยด์ได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้การรักษามีความแม่นยำ ตรงจุด และมีประสิทธิภาพในการรักษามากที่สุด พร้อมทั้งให้ดูแลติดตามผลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดภาวะแทรกซ้อน ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ พร้อมทั้งช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้เรียบเนียน เป็นปกติให้ได้มากที่สุด